แฟนลูกหนังทั่วโลกต่างตั้งหน้าตั้งตารอ เกมซูเปอร์บิ๊กแมตช์ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่อริตลอดกาลระหว่าง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล มีแฟนบอลบางส่วนต่างสงสัยว่า ทำไมทั้งสองทีม ถึงได้กลายเป็นตำนานแห่งความบาดหมางกัน และ กลายเป็นคู่อริตลอดกาลเรื่องอะไร วันนี้เรามีคำตอบ
ย้อนไปเมื่อศตวรรษที่ 18-19 เป็นช่วงปฎิวัติอุตสาหกรรมของประเทศอังกฤษ เมืองแมนเชสเตอร์เป็นเมืองที่มีอุตสาหกรรมรุ่งเรืองในการผลิตฝ้ายดิบ ส่วนทาง ลิเวอร์พูล จัดว่าเป็นเมืองท่าสำคัญอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งสะดวกต่อการติดต่อซื้อขายสินค้ากับต่างประเทศ กล่าวกันว่าในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 นั้น การค้าขายทางเรือกว่า 40% ของทั้งโลกต้องมาเทียบท่าที่เมอร์ซี่ย์ไซด์
หนึ่งประเด็นที่น่าสนใจที่นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า เป็นต้นตอของความบาดหมางระหว่างเมืองลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ในเวลานั้น แมนเชสเตอร์ กำลังเฟื่องฟูสุดขีดในด้านอุตสาหกรรมทอฝ้าย อย่างไรก็ตาม วัตถุดิบสำคัญอย่าง ฝ้ายดิบ นั้นต้องขนส่งผ่านทางเรือเท่านั้น แถมต้องเสียค่าธรรมเนียมมหาศาลให้กับท่าเรือ ลิเวอร์พูล โดยใช้เหตุอีกต่างหาก
สภาเมืองแมนเชสเตอร์ จึงแก้เกมด้วยการขุดลอก คลองเดินเรือแมนเชสเตอร์ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือที่ทำให้เรือขนฝ้ายดิบสามารถล่องไปยังท่าเรือที่เมืองแมนเชสเตอร์ ได้โดยตรงและไม่ต้องจอดเทียบท่าเพื่อเสียภาษีปากเรือที่ เมอร์ซี่ย์ไซด์ อีกต่อไป
ทำให้ ลิเวอร์พูล ขาดรายได้มหาศาลทันที และทำให้คนเมือง ลิเวอร์พูล ตกงาน จึงกลายเป็นความแค้นเคืองเล็กๆน้อยๆกันในอดีต และนี่คือจุดเริ่มต้นของรอยบาดหมางระหว่างทั้งสองสโมสร
ต่อมาจนทั้งสองสโมสรก่อตั้งทีมฟุตบอลและมีการแข่งขันกัน สำหรับทั้งสองทีมนั้นยังคงเป็นทีมยักษ์ใหญ่ในเกาะอังกฤษ และทาง ลิเวอร์พูล นั้นได้แชมป์ลีกในปี 1963-1964 จากการทำทีมของ บิลล์ แชงค์ลี่ย์ ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นได้แชมป์ลีกในปีต่อมา โดยทั้งสองทีมนั้นสลับกันได้แชมป์และไล่บี้บดขยี้กันอย่างมัน สลับกันปีต่อปี
จากความสำเร็จมากมายของทั้งสองทีม รวมไปถึงจำนวนแฟนบอลที่อาจจะมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ที่ทำให้ ศึกแดงเดือด เป็นแมตช์ที่ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอชมเกม
โดยตำนานกุนซืออย่าง เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน ก็ได้เคยกล่าวถึงศึกแดงเดือดนี้ว่า “การพบกันของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล ถือเป็นเกมแห่งฤดูกาล มันเป็นเกมการแข่งขันระหว่างสองสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด”
ต่อมาในยุคหลัง ทั้งสองสโมสรก็ได้มีการซื้อผู้เล่นนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง นั้นเป็นอีกสิ่งที่เพิ่มมนต์เสน่ห์ในเกมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศในสนาม การเชียร์ของแฟนบอลที่มีฟุตบอลอยู่ในใจ เหมือนกับฟุตบอลเป็นอีกศาสนาหนึ่งเลยก็ว่าได้ ความสนุกเร้าใจ ความดุเดือดของเกม มีให้ชมกันอย่างแน่นอน เพราะทั้งสองทีมต่างก็ต้องแข่งกันเพื่อชิงความสำเร็จให้กับสโมสรให้ได้
โดย ทั้งสองสโมสรถือว่าเป็นสโมสรยอดเยี่ยมของฟุตบอลอังกฤษ โดยชนะใน 123 ถ้วย (รวมกันทั้งสองทีม นับถึงวันที่ 10 มกราคม 2017) ลิเวอร์พูล โดดเด่นในฟุตบอลอังกฤษตั้งแต่ปี ค.ศ. 1975 ถึง 1990 โดยเป็นผู้ชนะในลีก 11 ครั้งและได้ถ้วยยุโรป 4 ครั้ง ส่วน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด โดดเด่นในช่วงปี ค.ศ. 1993 ถึง 2013 โดยเป็นผู้ชนะในลีก 13 ครั้ง และได้ถ้วยยุโรป 2 ครั้ง
ถ้วยรางวัลที่ทั้งสองทีมได้รับ
– เกมลีก ลิเวอร์พูล 18 ครั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 20 ครั้ง
– เกมเอฟเอ คัพ ลิเวอร์พูล 7 ครั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 12 ครั้ง
– เกมคาร์ลิ่ง คัพ ลิเวอร์พูล 8 ครั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 ครั้ง
– เกมยูโรเปี้ยน คัพ ลิเวอร์พูล 5 ครั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 ครั้ง
– เกมยูฟ่า คัพ ลิเวอร์พูล 3 ครั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0 ครั้ง
– เกม คัพ วินเนอร์ คัพ ลิเวอร์พูล 0 ครั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 ครั้ง
– เกมคอมมูนิตี้ชิลล์ ลิเวอร์พูล 15 ครั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 21 ครั้ง
– เกมยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ลิเวอร์พูล 3 ครั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 ครั้ง
– เกมอินเตอร์คอนติเนทอล คัพ ลิเวอร์พูล 0 ครั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 ครั้ง
– เกม คลับ เวิล์ด คัพ ลิเวอร์พูล 0 ครั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 ครั้ง
– ถ้วยรายการสำคัญ ลิเวอร์พูล 41 ครั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 40 ครั้ง
รวมถ้วยรางวัลตอนนี้ ลิเวอร์พูล ได้ไปทั้งหมด 59 ถ้วย ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ไปทั้งหมด 63 ถ้วย รวมกันแล้วได้ไป 123 ถ้วย ถือว่าความสำเร็จมากมายมหาศาล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น